|
|
|
|
ที่มาของรังนก / Bird's Nest |
รังนก ทำมาจากน้ำลายของนกนางแอ่นหรือนกอีแอ่นจึงสำรอกออกมาแล้วจับตัวแข็งมีรูปร่างคล้ายกับรังนก
น้ำลายของนกนางแอ่นที่สำรอกออกมาครั้งแรก
จะมีสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเรียกกันว่า รังนกขาว
จัดได้ว่าเป็นรังนกที่มีคุณภาพดีที่สุด ส่วนน้ำลายที่นกนางแอ่นสำรอกหลังออกมาจากครั้งแรก
จะเว้นสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่สำรอกออกมาจนหมดตามที่เข้าใจ
นกนางแอ่นสำรอกน้ำลายเพื่อออกมาสร้างรังนกจนกระอักเลือดนั้น ไม่เป็นความจริง
รังนกที่เราเห็นเป็นสีแดงนั้น เกิดจากสนิมในถ้ำที่นกทำรังไว้ได้รับความชื้นสูงสนิมจึงแทรกซึมเข้าไปในรัง โดยเฉพาะรังที่นกสร้างขึ้นในช่วงที่สอง และสาม
ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูฝนผิดกับรังแรกที่สร้างขึ้นในฤดูหนาว ประมาณเดือนกุมภาพันธุ์ ในด้านเศรษฐกิจ รังนกแอ่นกินรังถือเป็นสินค้าที่ราคาแพงมาก และหาได้ยาก
จนได้รับฉายาว่า คาร์เวียร์แห่งโลกตะวันออก หรือ ทองคำขาว (White gold) |
|
|
|
|
|
นกแอ่นกินรัง
(Aerodramus fuciphagus) |
|
นกแอ่นกินรังตะโพกขาว
(Apus caffer) |
|
นกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือนกแอ่นรังดำ
(Aerodramus maximus) |
|
|
สำหรับในเมืองไทยนั้น เรามีนกนางแอ่นสามชนิดด้วยกัน คือ นกแอ่นกินรัง นกแอ่นกินรังตะโพกขาว และนกแอ่นหางสี่เหลี่ยมหรือนกแอ่นรังดำ
นกนางแอ่นสองชนิดแรกนั้น จะให้รังนกสีขาว ส่วนชนิดหลัง จะให้รังสีดำ โดยที่รังจะมีขนนกเป็นส่วนผสมด้วย แต่ทั้งสามชนิดนั้นสามารถใช้รับประทานได้ |
|
ซึ่งนกแอ่นกินรัง (Edible-Nest Swiftlet) ปัจจุบันนี้จัดอยู่ในสกุล Aerodramus จึงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aerodramus fuciphagus
เดิมใช้ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Collocalia fuciphaga โดยรังนกชนิดนี้จะถูกสร้างจากน้ำลาย ซึ่งผลิตมาจากต่อมน้ำลายของพ่อแม่นกก่อนการผสมพันธุ์
และใช้เป็นที่วางไข่
อีกทั้งยังใช้เป็นที่อยู่ของลูกนกก่อนที่จะเริ่มหัดบินได้ ส่วนประกอบของรังนก ประมาณ 85-97% เป็นน้ำลาย
และ 3-15% เป็นขนอ่อน |
|
รังนกมีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่
- รังนกแดงหรือรังนกเลือด มีแร่ธาตุสีแดงที่เกิดตามธรรมชาติ ซึ่งคนจีนนิยมกันมาก
- รังนกดำ คือ รังนกปลายฤดูเก็บมีสีดำเพราะสีจากขนของลูกนก
- รังนกบ้าน คือ รังนกที่อาศัยอยู่ในคอนโดที่มนุษย์สร้างขึ้น
- รังนกไหมทองคำ มีราคาค่อนข้างสูง |
|
|
|
|
|
|
|
|
รังนกแดงหรือรังนกเลือด |
|
รังนกดำ |
|
รังนกบ้าน |
|
รังนกไหมทองคำ |
|
|
คุณค่าทางโภชนาการ |
ผลวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ในรังนก 1 ขวด มีปริมาณโปรตีนอยู่ไม่ถึงครึ่งของครึ่งกรัม ในขณะที่ไข่ไก่ธรรมดา 1 ฟอง
มีโปรตีนถึง 6.5 กรัม และนมวัวหนึ่งกล่องมีโปรตีน ถึง 8.5 กรัม อาจะพูดได้ว่าการกินรังนกขวดเล็กหนึ่งขวด เทียบได้กับการกินน้ำนมวัว 1/64 กล่อง
หรือประมาณไม่ถึงครึ่งช้อนเท่านั้นเอง มีการกล่าวอ้างสรรพคุณกันมากมาย เช่น บำรุงปอด เพิ่มโลหิต บำรุงพลังทางเพศ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน บำรุงไต
และม้าม แก้อ่อนเพลีย แก้ร้อนใน แก้ภูมิแพ้ ฯลฯ นอกจากนี้ตามหลักฐานอ้างอิง เชื่อว่าชาวจีนนิยมทานรังนกมานานกว่า 1,000 ปี
โดยเข้าใจกันว่ามีสรรพคุณด้านการบำรุงรักษาโรคด้านระบบทางเดินหายใจ
เช่น วัณโรค และโรคปอด ช่วยบรรเทาคนที่เป็นโรคภูมิแพ้
มีงานวิจัยที่ระบุว่าสารสกัดโปรตีนจากรังนกสามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวบางชนิดให้อยู่ในสภาพพร้อม แบ่งตัวมากขึ้น และมีฤทธิ์ไปกระตุ้น
การเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนังได้ แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าโปรตีน ตัวนี้มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ลำไส้ใหญ่จะดูดซึมเข้าสู่เลือดได้ |
ที่มาของข้อมูล : www. th.wikipedia.org/wiki/รังนก |
|
|
|
สรรพคุณของรังนกนางแอ่น |
- คนจีนทั้งแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง นิยมบริโภครังนกเป็นชีวิตจิตใจ มีการค้นพบว่า ในสมัยราชวงศ์หมิงตอนปลาย ได้ปรากฏว่า มีแพทย์เขียนใบสั่งยา
โดยมีรังนกเป็นส่วนผสม โดยเชื่อว่า รังนกสามารถรักษาโรค
- เครื่องยาจีนสำหรับบำรุงปอด ชื่อ รังนกเก๋ากี้ (เก๋ากี้เอี้ยงออ) มีส่วนผสมของรังนก 5 กรัม ,
เก๋ากี้ 10 กรัม น้ำตาลกรวด 50 กรัม กินทุกเช้าเย็น
ครั้งละหนึ่งถ้วย มีสรรพคุณ ช่วยบำรุงปอด ตับ และไต
เสริมประสิทธิภาพบำรุงปอดได้ดีมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ปอดอ่อนแอ ไอแห้ง
หรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง มีอาการร้อนขึ้นในตอนบ่าย ร่างกายอ่อนแอ เหงื่อออกผิดปกติขณะหลับ ผู้ป่วยวัณโรคในระยะพักฟื้น
- ศ.ดร. หยุน เฉิน กง แห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง เป็นนักวิจัยที่เกี่ยวกับสมุนไพรจีนและยาที่ทำจากสัตว์ ได้ค้นพบว่า รังนกเป็นโปรตีนที่สามารถละลายน้ำได้
ซึ่งเชื่อกันว่า สามารถส่งเสริมเซลล์ภายในระบบภูมิคุ้มกันโรคได้ และเป็นไปได้ที่จะใช้มันต้านสารเสพติด AZT และสามารถต่อต้านภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ในโรคเอดส์ได้ (Eric Valli and Diane Summers, Shadow Hunters (Singapore: Sun tree publishing limited,1990),9.)
- นิสา พงศ์ชู นักสัตววิทยาของไทย ได้สรุปผลจากการตรวจสอบสารประกอบที่สกัดได้จากรังนกนางแอ่น พบว่า สารประกอบดังกล่าว
มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งHaemagglutination ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดไข้หวัดใหญ่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การวิเคราะห์คุณภาพรังนกนางแอ่นของ Quate(1952) พบว่า จากรังนก 100 กรัม ปรากฎว่ามีโปรตีนร้อยละ 54 ,คาร์โบรไฮเดรต ร้อยละ 23.3
น้ำร้อยละ 16.2 , ไขมันร้อยละ 0.3 และอื่นๆ อีกร้อยละ 5.9 ซึ่งรวมถึงฟอสฟอรัส 32 มิลลิกรัม
- สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ได้ทำการวิเคราะห์หาส่วนผสมของรังนกนางแอ่น พบว่า ประกอบด้วยโปรตีนร้อยละ 60.90
แคลเซียมร้อยละ 0.85 , น้ำร้อยละ 5.11 , โพแทสเซี่ยมร้อยละ 0.05 และฟอสฟอรัส ร้อยละ 0.03 ซึ่งสารแต่ละชนิดต่างก็มีคุณค่าทางโภชนาการทั้งสิ้น |
ที่มาของข้อมูล : วารสารแม็ค ม.3 ฉบับเดือนกันยายน 2544 |
|
|
|
INS 401 คืออะไร |
INS มีชื่อเต็มว่า The International Numbering System for Food Additives หรือ ระบบเลขหมายสากลสำหรับวัตถุเจือปนอาหาร
สำหรับ INS 401 คือ โซเดียมอัลจิเนต (Sodium Alginate) เป็นสารไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid) ที่ทำให้อาหารที่ถูกผสมมีลักษณะข้นและหนืดขึ้น
จนถึงเป็นเจล หรือคงรูปร่างได้ได้เมื่อเจอกับแคลเซียม
ซึ่งเป็นเจลที่ทนต่อความร้อน (thermoirreversible gel) หรือไม่เปลี่ยนไป-มาเมื่อได้รับความร้อน
จัดอยู่ในสารประเภทเดียวกับพวกผงวุ้น เจลาติน คาร์ราจีแนน กัวกัม และแป้ง
อัลจิเนตยังใช้เคลือบผิวเนื้อปลาก่อนนำไปแช่เยือกแข็ง เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาเกิดการไหม้ (freezer burn) นอกจากนี้อัลจิเนตยังใช้เป็นสารเพิ่มคงตัวให้กับไอศครีม น้ำสลัด
และใช้เป็นสารเพิ่มความคงตัวให้กับโฟม เป็นต้น
โซเดียมอัลจิเนตสกัดได้จากผนังเซลล์ของสาหร่ายสีน้ำตาล (brown algae) เช่น Macrocystis pyrifera, Laminaria digitata,
Laminaria hyperborea และผ่านการทำแห้ง มีลักษณะเป็นผง
ลักษณะทั่วไป
- อยู่ในรูปของสารประกอบผสมของเกลือแคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม
และโพแทสเซียมของกรดแอลจินิก (alginic acid) ซึ่งละลายได้ในน้ำ
- ทำให้เกิดเจลได้ หรือเป็นสารก่อเจล (gelling agent) ซึ่งเป็นเจลที่ทนต่อความร้อน (thermoirreversible gel)
หรือไม่เปลี่ยนไป-มาเมื่อได้รับความร้อน
การใช้แอลจิเนตในอาหาร
กรดแอลจินิก (alginic acid) และแอลจิเนต ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive)
หมายเหตุ : สำหรับบางประเทศจะใช้รหัส A401 (A : ออสเตรีย / Austria
) และ E401 (E : สหภาพยุโรป / European Union
) |
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2568/alginate-แอลจิเนต |
|
INS 420 คืออะไร |
ซอร์บิทอล (อังกฤษ: sorbitol) หรือ กลูซิทอล (อังกฤษ: glucitol) ที่เป็นชื่อสามัญน้อยกว่า เป็นแอลกอฮอล์น้ำตาล มีรสหวาน
ซึ่งร่างกายมนุษย์ย่อยสลายได้ช้า ๆ และให้แคลอรีน้อยกว่าซูโครสหรือน้ำตาลทั่วไปถึง 1 ใน 3 หากบริโภคมากเกิน
(เช่นในหมากฝรั่งไร้น้ำตาล) อาจทำให้ท้องร่วงรุนแรงและน้ำหนักลด[2] สามารถสังเคราะห์ได้โดยรีดิวซ์กลูโคส
ซึ่งเปลี่ยนหมู่แอลดีไฮด์ให้เป็นไฮดรอกซิล ซอร์บิทอลโดยมากทำมาจากน้ำเชื่อมข้าวโพด แต่ก็มีโดยธรรมชาติเหมือนกัน
เช่นในลูกแอปเปิล สาลี่ ท้อ พรุน องุ่น สาหร่ายทะเล อ้อยและมันสำปะหลัง ใช้กับเครื่องดื่มจะลดความขมของน้ำตาลได้
สามารถเปลี่ยนเป็นฟรักโทสได้ด้วยเอนไซม์ sorbitol-6-phosphate 2-dehydrogenase เป็นไอโซเมอร์ของแมนนิทอล (mannitol)
ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์น้ำตาลอีกชนิดหนึ่ง ทั้งสองต่างกันแค่ตรงทิศทางของหมู่ไฮดรอกซิลที่คาร์บอนอะตอมที่ 2 แม้จะคล้าย ๆ กัน
แอลกอฮอล์ทั้งสองก็มีแหล่งตามธรรมชาติ จุดหลอมเหลว และการใช้สอยที่ต่างกัน
ลักษณะทั่วไป เป็นเกล็ดเมล็ด ไม่มีกลิ่น ความหวานกลมกล่อม ความหวานเป็น 60% ของน้ำตาลทราย สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ
คือ ซอร์บิทอลเหลวหรือน้ำ มีสีขาวใส ๆ ไม่ขุ่น จะเหนียวหนืดพอสมควร และซอร์บิทอลผง เป็นผงผลึกขาว เป็นเกล็ดเล็กมาก
ซอร์บิทอลสามารถใช้เป็นน้ำตาลเทียม (INS 420, E 420) โดยหวานประมาณ 60% ของน้ำตาลทราย (ซูโครส)
เป็นน้ำตาลที่ให้พลังงาน คือ 2.6 กิโลแคลอรี (11 กิโลจูล) ต่อกรัม เทียบกับพลังงานของคาร์โบไฮเดรตโดยเฉลี่ยที่ 4 กิโลแคลอรี (17 กิโลจูล)
บ่อยครั้งใช้ในอาหารไดเอ็ต (รวมทั้งน้ำอัดลมและไอศกรีม) ลูกอม ยาแก้ไอ และหมากฝรั่งปลอดน้ำตาล
แบคทีเรียโดยมากไม่สามารถใช้ซอร์บิทอลเป็นพลังงานได้ แต่กลุ่มแบคทีเรียที่พบในปาก คือ Streptococcus mutans
ก็สามารถหมักมันได้อย่างช้า ๆ และดังนั้น จึงอาจทำให้ฟันผุซึ่งไม่เหมือนไซลิทอลที่ไม่ทำให้เกิดสภาวะกรด
ความสำคัญทางการแพทย์
aldose reductase เป็นเอนไซม์แรกในวิถีเมแทบอลิซึม sorbitol-aldose reductase pathway
ซึ่งรีดิวซ์กลูโคสเป็นซอร์บิทอล และรีดิวซ์ galactose เป็น galactitol ด้วย
ซอร์บิทอลที่ติดอยู่ในเซลล์จอตา ที่เซลล์เลนส์ตา และที่ Schwann cells ซึ่งเป็นปลอกไมอีลินหุ้มปลายประสาท เกิดบ่อย
เพราะภาวะน้ำตาลสูงในเลือดเนื่องจากโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้เซลล์เหล่านี้เสียหาย แล้วนำไปสู่โรคจอตา (retinopathy)
ต้อกระจก และโรคเส้นประสาทส่วนปลาย ตามลำดับ สารยับยั้ง aldose reductase ซึ่งระงับหรือหน่วงฤทธิ์ของเอนไซม์
ปัจจุบันกำลังศึกษาเพื่อใช้ป้องกันหรือหน่วงเวลาภาวะแทรกซ้อนเช่นนี้
ซอร์บิทอลจะหมักอยู่ในลำไส้ใหญ่และมีผลิตผลเป็นกรดไขมันลูกโซ่สั้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลำไส้ใหญ่โดยทั่วไป |
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/ซอร์บิทอล |
|
|
|
สาระน่ารู้เกี่ยวกับรังนกปลอม |
Karaya gum / กัมคารายา คืออะไร |
กัมคารายา (Karaya gum) เป็นกัม (gum) ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate)
เป็นสารในกลุ่มไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid)
ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ประเภท heteropolysaccharide ที่ใช้เพื่อเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive) |
|
ชื่อเรียกอย่างอื่น : Karaya , Gum sterculia , Sterculia , Kadaya , Katilo , Kullo , Kuterra , Gum karaya |
|
|
|
แหล่งที่มา : กัมคารายา เป็นกัมที่ได้จากน้ำยาง (exudate gum) ของต้น Sterculai urens ที่มีแหล่งปลูกในประเทศอินเดีย ซูดาน
และบางประเทศทางแอฟริกาเหนือ ยางคารายามีสีขาว สีเหลืองอมชมพู จนถึงสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู รูปร่างไม่แน่นอน ไม่ละลายในน้ำ |
|
โครงสร้างโมเลกุล : Gum karaya เป็น partially acetylated polysaccharide ที่มีโครงสร้างเป็นกิ่งก้านสาขา มีน้ำหนักโมเลกุลสูง
ในโมเลกุลประกอบด้วย D-gulacturonic acid, D-galactose และ
L-rhamnose ต่อกันเป็นสายหลัก และมีกิ่งแขนงเป็น D-glucuronic acid
มีหมู่ uronic acid
ประมาณ 35-40% และมีหมู่ acetyl อยู่ประมาณ 10-14% |
|
Gum karaya ที่ผลิตเพื่อการค้า ประกอบด้วย D-gulacturonic acid 30-43% , D-galactose 13-26% และ L-rhamnose 15-30%
นอกจากนี้ยังพบไอออนของโลหะ Ca และ Mg เชื่อมต่อกับ uronic acid |
|
Gum karaya เป็น gum ที่มี rhamnose สูงกว่ากัมจากยางไม้ (exudate gum) ชนิดอื่นๆ |
|
คุณสมบัติของคารายากัม :
Gum karaya ละลายในน้ำได้น้อย แต่ดูดน้ำและพองตัวได้ดี เนื่องจากมีหมู่ acetyl ในโครงสร้างทำให้ Gum karaya
ละลายในน้ำได้ไม่สมบูรณ์
แต่ให้สารละลายที่ใส โดยการดูดน้ำอย่างรวดเร็ว ให้ลักษณะเป็นคอลลอยด์ที่มีความหนืด ที่ความเข้มข้นต่ำ
(น้อยกว่า 0.02% ในน้ำเย็น และ 0.06% ในน้ำร้อน) เมื่อทำเป็นผงละเอียด จะเป็นตัวดูดน้ำและอุ้มน้ำที่ดีและเมื่อกระจายตัวอยู่ในน้ำจะพองตัวได้
60-100 เท่าของปริมาตรเดิม ได้เป็นสารละลายที่มีความหนืดสูง ความหนืดของสารละลาย จะแปรผันโดยตรงกับความเข้มข้น เมื่อใช้ในปริมาณมาก
จึงมีสมบัติเป็น strong adhesiveness ทำให้ได้สารละลาย
คอลลอยด์ที่มีความหนืดสูง |
|
คุณสมบัติของสารละลาย gum karaya จึงขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาค การกระจายตัวของอนุภาค ในน้ำเย็นจะให้ความหนืดสูงกว่าในน้ำร้อน gum karaya ทนต่อความเป็นกรดได้สูง
เพราะในโมเลกุลมีกรดยูโรนิก (uronic acid) สูง และยังทนต่อการ hydrolysis ที่ความเข้มข้น
ของสารละลาย hydrochloric acid สูงถึง 10% ที่อุณหภูมิห้องนานอย่างน้อย 8 ชั่วโมง |
|
การใช้ประโยชน์ในอาหาร : คารายากัมใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive) INS 416 เป็นไฮโดรคอลลอยด์ (hydrocolloid)
มีลักษณะเป็นผง เช่น อิมัลซิไฟเออร์ (emulsifier) , ทำให้เกิดความข้นหนืด (thickening agent) และ ทำให้คงตัว (stabilizing agent)
ในการเคลือบ ทำไส้ขนม น้ำราด ขนมหวาน ใช้ผลิตรังนกเทียม เนื่องจากดูดซับน้ำและพองตัวคล้ายรังนกมาก |
|
คัดลอกบางส่วนจาก : http://www.foodnetworksolution.com
ศูนย์เครือข่ายข้อมูลอาหารครบวงจร ค้นหา "กัมคารายา" |
|
บทความจากเรื่อง : รังนกปลอม มาจากยางคารายา
เขียนโดย : Kungten Pathum
ดูรายละเอียดได้ที่นี้ : http://baipaknaru.blogspot.com/2013/03/blog-post_1321.html |
|
บทความจากเรื่อง : ต้นกรรณิการ์ หรือคารายากัม
เขียนโดย : ปริชาติ หงษ์สิงห์, ชนิดา พลานุเวช และนิจศิริ เรืองรังษี จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดูรายละเอียดได้ที่นี้ : http://www.chulapedia.chula.ac.th/index.php/ต้นกรรณิการ์ หรือคารายากัม |
|
|
|
อย.ตรวจเจอ “รังนกปลอม” เตือนผู้บริโภคสังเกตก่อนซื้อ |
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เผยตรวจพบผู้ประกอบการบางรายใช้วัตถุดิบปลอมทำเครื่องดื่มรังนก ย่านคลองสามวา กทม. เตือนผู้บริโภคระมัดระวังการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ด้านเซ็นทรัลแล็บไทย ชี้ รังนกเทียมทำมาจากยางไม้ มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล ไม่มีคุณค่าทางอาหาร |
|
|
|
วันที่ 12 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ออกประกาศเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรังนก หลังตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้ประกอบการบางรายใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้มีส่วนประกอบมาจากนกนางแอ่น โดยประกาศดังกล่าว อย.ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรังนกยี้ห้อหนึ่ง ย่านคลองสามวา กรุงเทพมหานคร พบผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ระบุว่า วัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนประกอบหลักไม่มีความใกล้เคียงกับรังนกนางแอ่น แต่ในฉลากสินค้ากลับระบุว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว มีส่วนประกอบ เป็นรังนกแห้งอย่างดี ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค และเข้าข่ายเป็นอาหารผลิตขึ้นเทียม จำหน่ายอาหารปลอม จะโทษทางกฎหมาย จึงเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังก่อนซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรังนก |
|
ด้าน พ.ท.นราวิทย์ เปาอินทร์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างรังนกแท้และรังนกเทียม ว่า รังนกเทียม ผู้ประกอบการมักใช้ ยางไม้ที่เรียกว่า ยางคามายา ที่มาจากต้นสุพรรณิการ์ พืชที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียนำมาแช่น้ำ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับรังนกเมื่อถูกน้ำ จากการตรวจสอบส่วนผสมทางห้องปฏิบัติการ พบว่ายางคามายาส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล ซึ่งไม่มีคุณค่าทางอาหารใด ๆ ส่วนรังนกแท้ หากตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการ จะพบว่ามีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว คือมีรูปแบบของลายพิมพ์อินฟราเรดเสปคตัมและส่วนประกอบของกรดอะมิโน แตกต่างจากวัสถุชนิดอื่นอย่างชัดเจน ทำให้การแยกรังนกเทียม หรือ รังนกแท้ได้ โดยเซ็นทรัลแล็บไทย นำเครื่องมือที่มีชื่อเรียกว่า FT-IR (Fourier Transform Infrared Spectroscopy) ใช้ในการตรวจหาความแท้ของรังนก ซึ่งสามารถแยกความแตกต่างระหว่างรังนกแท้กับรังนกเทียมในเวลาไม่นาน |
|
ทั้งนี้ส่วนวิธีสังเกตรังนกแท้ หรือ รังนกเทียม ผู้บริโภคสามารถสังเกตเบื่องต้นด้วยตาเปล่า คือ รังนกแท้จะมีลักษณะเป็นเส้นชัดเจน
มีกลิ่นคาวน้ำลายนกนางแอ่นขณะตุ๋น และมีรสชาตอร่อยเหนียวข้นตามธรรมชาติ ส่วนรังนกปลอม จะไม่มีกลิ่นคาว เนื้อสัมผัสจะจับตัวเป็นก้อน
หรือแผ่นเล็ก ๆ คล้ายวุ้น |
|
คัดลอกข้อมูลจาก : https://centrallabthai.com/index.php/th/news/general-news/item/286-162727112561
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก : PPTV 36 |
|
|
รับส่งออกสินค้าสินค้าทุกประเภททางเรือไปทั่วประเทศจีน พร้อมจัดทำเอกสารทางราชการทั้งนำเข้า และส่งออก รวมถึงจดทะเบียนให้กับบริษัทของท่านเบ็ดเสร็จ |
| หน้าแรก | ข้อมูลทางวิชาการ | เกี่ยวกับเรา | ผลิตภัณฑ์ | ติดต่อเรา | |
รับจ้างผลิตเครื่องดื่มรังนกสำเร็จรูปทุขนาดบรรจุ พร้อมบริการส่งออกทางเรือไปทั่วประเทศจีน |
โกลเด้น ซิลค์ กรุ๊ป
19/85 ถนนบางขันธ์-คลองหลวง ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
Call-Center : 084-467-7810 E-mail : ceo424d@hotmail.com
|
ไก่ดำมหากิจ , รับจ้างผลิตสินค้า , ผลิต , จำหน่าย |
|
|
|
|
|
|